การทำไร่ ทำนา ทำสวน สมัยก่อนจะใช้วิธีดูฟ้าดูฝน ดูสภาพอากาศตามกรมอุตุฯ ที่เขาค่อยแจ้งเป็นระยะๆ เพื่อให้เราสามารถทำการเกษตรได้อย่างมีหลักมีการ รวมไปถึงการจัดการในเรื่องของผลผลิตทางการเกษตรอีกด้วย
แต่ ณ ปัจจุบัน เทคโนโลยีได้เข้ามาบทบาทเป็นอย่างมากซึ่งนำไปสู่การทำการเกษตรในแบบอัจฉริยะ ซึ่งวันนี้ทาง TEM ได้รวบรวมข้อมูลมาฝากกัน ว่าจริงๆแล้ว เทคโนโลยีดังกล่าวมีอะไรที่น่าสนใจหรือไม่่? อย่างไร? ไปดูกัน
Smart Farm คือเกษตรกรที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและระบบดิจิทัล นวัตกรรม รวมถึงข้อมูล หรือแนวคิดทางธุรกิจแบบใหม่ เพื่อผลักดันประสิทธิภาพการผลิตของตัวเองให้ได้มากที่สุด ภายใต้งบประมาณที่เหมาะสมที่สุด
แนวคิดของ Smart Farm เพิ่มความเป็นไปได้ยิ่งขึ้นอีก เนื่องจากการพัฒนาของเทคโนโลยีและระบบดิจิทัล ที่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ IoT การใช้งาน Big Data การใช้งานโดรน หรือการใช้หุ่นยนต์รูปแบบต่างๆ ร่วมกับการเกษตรก็สามารถหาได้ง่ายขึ้น ต้นทุนลดต่ำลง
ตัวอย่างของ Smart Farm
– การใช้เทคโนโลยี GPS เพื่อตรวจสอบพื้นที่การเกษตรและเทคโนโลยีจัดการข้อมูลเพื่อตรวจสอบสภาพภูมิอากาศในออสเตรเลีย ทำให้เกษตรกรสามารถคาดเดาการรดน้ำใส่ปุ๋ยให้พืชผลของตนเองได้
– การนำเทคโนโลยี Big Data มาประยุกต์ใช้ในฟาร์มญี่ปุ่น เพื่อรวบรวมข้อมูลการปลูกพืชทั้งหมด มาวิเคราะห์ว่าการทำการเกษตรแบบไหนสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด
ประโยชน์ของการทำการเกษตรแบบ Smart Farm
- ลดการใช้แรงงานคน
- ได้สินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น
- ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- มีการขายที่ง่ายขึ้น
โดยสรุปแล้ว การทำการเกษตรแบบ Smart Farm นั้นมีส่วนช่วยอย่างมากในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกร ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ รวมถึงทำให้ผู้บริโภคได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ
แต่เนื่องจากการพัฒนาระบบ Smart Farm ในไทยอาจทำให้เกิดขึ้นค่อนข้างยาก อันเนื่องมาจาก ความรู้ ประสบการณ์ งบประมาณที่ใช้ การเข้าถึงข้อมูล รวมไปถึงการยึดติดกับเกษตรกรรมแบบเดิมๆของเกษตรกร สิ่งเหล่านี้อาจต้องร่วมแรงร่วมใจ ทั้งภาครัฐและภาคประชาชน ในการพัฒนาระบบ Smart Farm เพื่อให้สามารถใช้งานจริงได้ และก่อให้เกิดมูลค่าทางทรัพยากร อย่างยั่งยืน..
ที่มาข้อมูล : blog.pttexpresso.com